มุก นับ เป็นอัญมณีอินทรีย์ ที่นิยมและถือว่ามีคุณค่ามากที่สุดในกลุ่ม อัญมณีอินทรีย์ ด้วยกัน จากประวัติศาสตร์ พบว่ามีการค้นพบและนำ มุก มาใช้ ตั้งแต่ 4,000 ปีมาแล้ว เครื่องประดับมุกที่เก่าแก่ที่สุดถูกดันพบในสุสานเจ้าหญิงแห่งเปอร์เชีย สวรรคตเมื่อ 520 ปีก่อนคริสต์ศักราช ปัจจุบัน จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประเทศฝรั่งเศษ ในสมัยโบราณเชื่อว่า มุก เป็นตัวแทนแห่งความบริสุทธิ์ และเป็นอัญมณีที่เก่าแก่ที่สุด ต่อมาเชื่อว่า มุก เป็นตัวแทนของดวงจันทร์และมีอำนาจวิเศษ ในยุคโรมันคลาสสิก ผู้สูงศักดิ์เท่านั้นที่จะใช้เครื่องประดับมุกได้
มุก ได้นำมาเป็นของขวัญในวันแต่งงาน โดยศาสนาฮินดูได้นำ มุก ที่ยังไม่ได้เจาะรูมาเป็นส่วนหนึ่งของพิธีแต่งงาน ในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 13-14 มุก เป็นที่นิยม อย่างสูงไม่ว่าจะมาสวมใส่หรือประดับเครื่องแต่งกาย
โดยธรรมชาติของไข่มุกจะมีร่องรอยตำหนิทิ้งไว้เกือบทุกเม็ด ความไม่สมบูรณ์ตามธรรมชาตินี้มีคือคุณค่าของไข่มุก สิ่งเหล่านี้เองทำให้ HOYHENG1st ได้นำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาประกอบมาตรฐานของไข่มุกในการประกอบตัวเรือน โดยใช้หลักเกณฑ์ความสะอาดของผิวไข่มุกที่ประมาณ 70% และมากกว่านั้น และความสะอาดที่มากกว่า 85%สำหรับสร้อยไข่มุก
มุก กำเนิดจากหอยชนิดต่างๆ ทั้งในน้ำจืด น้ำเค็มและเกิดได้ในทั้งหอยสองฝา และ หอยฝาเดียว สามารถแบ่งแยกออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้
มุกธรรมชาติ
เกิดจากวัตถุภายนอกหลุดเข้าไปในหอย หอยจึงเกิดการระคายเคืองและผลิตสารมุกมาเคลือบ โดยผลิตจากเซลล์บุผิวของเนื้อแมนเทิล (Mantle) ซึ่งเป็นอวัยวะเดียวกันที่สร้างเปลือกหอย
เนื้อแมนเทิลมีหน้าที่ดึงสารประกอบแคลเซียมจากน้ำมาสร้างชั้นเปลือกขึ้น ชั้นมุกจึงประกอบด้วยผลึกของแคลเซียมคาร์บอเนตที่เรียกว่า อะราโกไนท์ (Aragonite) และเมื่อรวมตัวกับเมือกและสารจำพวกคอนชิโอลิน (Conchiolin) ตามธรรมชาติ ทำให้เกิดประกายรุ้งแวววาว มุกชนิดนี้หายากในธรรมชาติ และมีรูปร่างแตกต่างกันเพราะไม่สามารถควบคุมรูปทรงได้ ทำให้มีมนุษย์คิดค้นกระบวนการเกิดมุกในตัวหอยขึ้น จึงเกิดเป็นมุกเลี้ยงในเวลาต่อมา
มุกเลี้ยง
มุกเลี้ยงเกิดจากการค้นคว้าของมนุษย์ โดยนำหอยมุกมาใส่แกนมุกเพื่อควบคุมหอยให้สร้างมุกขึ้นตามขนาดและรูปร่างที่ต้องการ
การใส่แกนอาจใส่เป็นแกนซีก มุกที่ได้จึงเรียกมุกซีก หรืออาจใส่แกนทรงกลม มุกที่ได้จึงเรียกมุกกลม จากนั้นนำไปฝังใส่เนื้อเยี่อหอยตรงตำแหน่งที่เหมาะสม และหอยมุกจะถูกเลี้ยงต่ออีกประมาณ 1-2 ปีจึงจะได้มุกที่เกิดจากการเลี้ยง เช่น มุกมาเบ้ มุกอโกย่า มุกเซาท์ซี มุกเกือบกลม
กระบวนการเกิดมุกเลี้ยงและมุกธรรมชาติไม่แตกต่างกัน เพียงแต่กระบวนการนำพาวัตถุเข้าไปในหอย
สำหรับมุกธรรมชาตินั้นธรรมชาติเป็นผู้นำพา และมุกเลี้ยงมนุษย์เป็นผู้นำพา
มุกอโกย่า
ชนิดหอยที่เลี้ยงมุกอโกย่า
ชื่อภาษาไทย: หอยมุกแกลบ หอยมุกกระจิ หอยมุกกระแจะ
ชื่อวิทยาศาตร์: Pinctada Fucata
ชื่อสามัญ: Vulgaris
มุกอโกย่าเป็นมุกกลมที่มีขนาดตั้งแต่ 2 -14 มม.
หอยพันธุ์นี้ได้รวบรวมจากธรรมชาติที่มีขนาดตั้งแต่ 5 -10 ซม. แล้วได้นำไปทำการผ่าตัดฝังแกนมุกบริเวณติ่งเพศของหอย( Gonad หรือ Pearl sac) โดยต้องอาศัยผู้ชำนาญพิเศษมิฉะนั้นอาจทำให้หอยตายได้ จากน้ำจะทำการตรวจเช็คอัตราการตาย และการคายแกนมุกเป็นระยะเวลา6 สัปดาห์ จึงจะนำไปเลี้ยงในทะเลต่อเป็นระยะเวลาประมาณ 12 เดือน
03 เมษายน 2563
ผู้ชม 18212 ครั้ง